วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

ทำ app ขาย น่าจะดี

มีไอเดียจะทำ app ขาย สักที เคยอ่านหนังสือเขียน app android และ IOS มาหลายครั้ง เขียน hello world มาหลายรอบ แต่ไม่ได้ทำสักที คราวนี้จะทำให้ได้แล้ว อาจจะไม่ได้เขียนเอง ต้องจ้างคนอื่นเขียน หรือ แบบบใหม่เขาเรียก reskin คือเอา code เก่ามาเปล่ยนโฉมหน้าแล้วเอาลงขายใหม่

อ่านหนังสือ สร้างเงินล้านอย่างรวดเร็วด้วยธุรกิจ app ของ Chad Mureta แล้วสรุปได้ดังนี้ หาซื้ออ่านตัวเต็มได้จากสำนักพิมพ์ Think Beyond


สรุปใจความและไอเดียที่ได้
๐ app iphone คนนิยมจ่ายเงินซื้อมากกว่า app android
๐ ลองค้นหา app ที่มีอยู่แล้ว และยังไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจจะไม่ใช่เวลานั้น แต่เวลานี้มันใ่แล้ว ให้ลองทำเข้าไปใหม่ promote ให้เต็มที่ อาจจะดังได้
๐คิด idea app ของเราเองขึ้นมาแล้วทำเลย
๐ ทำ app เล็กๆเสร็จ1-2สัปดาห์หลายๆ apps ดีกว่าทำ app ใหญ่อันเดียว 2-3 เดือนเสร็จ
๐ app ที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1. สนุก ให้ควมบันเทิง 2. เข้าใจง่าย 3. เชิญชวนให้มีปฏิสัมพันธ์ 4. ชวนให้ติด จนวางไม่ลง 5. มีคุณค่า อย่างใดอย่างหนึ่ง 6. เข้าถึงได้ทุกวัฒนธรรม 7. กราฟิกและเสียงประกอบที่ยอดเยี่ยม 8. บอกต่อได้ง่าย
๐สิ่งที่ต้องมองหาในตัว programmer 1. ประสบการณ์ ขอบุคคลอ้างอิง แล้วติดต่อสอบถาม 2. การสื่อสาร 3. ทีมงาน 4. ราคา อย่าแบ่งผลประโยชน์จากรายได้ของ app ให้ programmer และ 5. การขัดแย้งด้านผลประโยชน์ ให้ programmer เซ็นต์สัญญาไม่เปิดเผยข้อมูล และสัญญาห้าม copy
๐ website outsource: Odesk , Freelancer, appempire.com/guru, appempire.com/elence
๐ รายการที่จะถาม programmer เพื่อประเมินศักยภาพ
             -คุณพัฒนา app มานานเท่าไร
             -ทำมาทั้งหมดกี่ apps
             -ขอดู app ที่ทำมาทั้งหมด
             -มี website หรือเปล่า web อะไร
             -มีบุคคลอ้างอิงไหมสักสองสามสี่คน ขอติดต่อบุคคลอ้างอิง และติดต่อไป
             -ตารางการทำงานเป็นอย่างไร เริ่มได้เมื่อไร
             -ใช้เวลาทำราคานานเท่าไร
             -คุณมักจะทำงานในเวลาใด ใช้เวลาทำงานวันละกี่ชม
             -อะไรที่คุณหงุดหงิดเกี่ยวกับลูกค้า
             -มีทีมหรือเปล่า ความสามารถของทีมเป็นอย่างไร คุณมีปัญหาจะถามใคร
             -ทำงาน graphic ได้ไหม หรือจะให้ใครเป็นคนทำ
             -ขอดูตัวอย่างงาน graphic หน่อย
๐ถ้า ok ก็จะส่งสัญญาปกปิดข้อมูลให้เซ็นต์ และอย่าเปิดเผยไอเดียของ app เราให้ฟังเป็นอันขาด
๐หลังจากเซ็นต์สัญญาปกปิดข้อมูลแล้ว เราต้องปกป้องไอเดีย source code และทรัพย์สินทางปัญญาของ เรา (ตรงนี้จะต้องศึกษาต่อว่าจะต้องทำอย่างไร)
๐หลังจากเขียนเสร็จก็จะส่งมาให้เรา test ในหนังสือแนะนำให้ส่งมา test ทาง testflight (appempire.com/testflight


๐ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องการตลาดของ app
๐ การตลาดที่ยอดเยี่ยม => จำนวนผู้ใช้ app มาก (traffic) => ยอดดาวโหลด+ยอดโฆษณา สูง => กำไร
๐ประการแรกคือแต่งตัว app ให้สวยงามสุดๆ 1. icon เนี๊ยบ สร้างความประทับใจ 2. ชื่อ app น่าตื่นเต้น ฟังดูดี ทันสมัย และน่าประทับใจ
๐คนที่ค้นหา app จาก app store หรือ play store จำนวน 90% จะค้นจากการใช้งานของ app เช่น หมอดู clear memory ไม่ได้ค้นหารจากชื่อ app
๐รายละเอียดของ app จะต้องเป็นรายละเอียดที่ชวนอ่าน ผู้คนอยากดูต่อไป เขียนให้สั้นๆก็พอ ควรใส่ลูกเล่นเช่น หนึ่งในเกมที่เล่นแล้วติดหนึบมากที่สุด...
๐ทำ screenshot ที่สามารถเล่าเรื่องราวได้ แสดง feature ทั้งหมดของ app
๐Keyword การคิด keyword จะต้องถามตัวเองว่า 1. กลุ่มเป้าหมายคือใคร  2. ความต้องการของผู้ใช้คืออะไร 3. พวกเขากำลังค้นหาอะไร
๐หลังจากปล่อย app ไปแล้วต้องดูสถิติต่างๆเพื่อมาปรับปรุง app ให้ทำเงินมากยิ่งขึ้น webที่ช่วยทางด้านนี้ก็มี appempire.com/appgures (appfigures) appempire.com/appannie appempire.com/flurry
๐ให้เกิดการพัฒนาด้วยคำถามเหล่านี้

  • อันดับของ app ดีขึ้น หรือแย่ลง เพราะเหตุใด ทำให้อันดับดีขึ้นอีกได้อย่างไร
  • ยอดดาวโหลดในประเทศไหนเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร เพราะอะไร
  • สามารถ promote หรือทำการตลาดให้ app ได้เงินมากกว่านี้หรือไม่ อย่างไร
  • ผู้ใช้ review app ว่าเป็นอย่างไร เราสามารถแก้ไขในสิ่งที่คนบ่นได้หรือไม่ วิเคราห์ว่าคำบ่นอันไหนมีค่า คำบ่นอันไหนไม่มีค่า
  • คนชอบ app นี้ไหม เขาใช้งานมันบ่อยแค่ไหน
  • เราจะเพิ่มคุณค่าของ app ที่มต่อผู้ใช้ได้อย่างไร
  • เราจะทำเงินจาก app นี้ให้ากขึ้นอีกได้ไหม จะทำอย่างไร
๐วิชานินจาทำให้ได้เงินมากยิ่งขึ้น
  • สร้างเครือข่าย app ดังเช่น ถ้าเรามี appฟรี 1 app ซึ่งทำยอดดาวโหลดได้ 50000 ต่อวัน เราจะสามารถทำเงินได้จำนวนหนึ่งจาก แบนเนอร์โฆษณา และอาจรวมไปถึงการเป็นตัวแทนโฆษณา (Affiliate Marketing) ถ้าเรามี app หลาย app ซึ่งโปรโมทซึ่งกันและกันด้วย แน๊กสกรีน และหน้าสำหรับโปรโมท เราสามารถนำผู้ใช้ 50000 คนนี้ไปสู่ app อื่นๆของเราและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
  • แน๊กสกรีน (Nag Screen) อธิบายได้ตามตัวอย่างคือ ยามเราไปร้านอาหาร สั้งพาสต้าอย่างหนึ่ง คนเสริฟก็จะบอกว่าที่เราสั่งนั้นอร่อยมากเลย จะเพิ่มชีสอีกไหม จะอร่อยเพิ่มอีกนะ เราก็บอกว่าเพิ่ม ร้านก็ขายของได้มากขึ้นอีก ดังนี้ นี่คือ แน๊กสกรีน มันคือหน้าต่างที่ pop ขึ้นมาให้เราซื้อ feature เพิ่ม 
  • หน้า promote เราสามารถ pop รายชื่อ app ของเราขึ้นมาอีก6 app ให้ผู้ใช้ได้กดดาวโหลด ได้จากหน้าสำหรับโปรโมท ใส่ปุ่ม MORE ให้เด่นในหน้า พอผู้ใช้กด มันก็จะ pop หน้าสำหรับโปโมทขึ้นมา
  • เข้าชมรมผู้ทำ app เพื่อสร้างเครือข่าย หาไอดียใหม่ๆ promote ร่วมกัน appempire.com/meetup
  • ซื้อจำนวนผู้ใช้เพิ่ม apempire.com/freeappaday appempire.com/tapjoy 
๐รูปแบบการสร้างรายได้ของ app
  • แบบฟรี version ลองก่อนซื้อ รายได้จาก app purchase (แต่ส่งผู้ใช้ไปที่หน้า app storeX ,แบนเนอร์โฆษณา, affiliate marketing
  • แบบพรีเมี่ยม แบบจ่างเงินก่อนดาวโหลด
  • แบบฟรีเมี่ยม รายได้จาก in app purchase ซื้อได้เลยใน app นั้น
๐ app ฟรี10อันดับแรกสามารถสร้างรายได้ 500 เหรียญต่อวันจากแบนเนอร์ (20000บาท/วัน) แต่ถ้าเป็น app ธรรมดาสร้างรายได้แค่ 50 เหรียญต่อวัน ก็ 2000 บาทต่อวัน มีสัก 10 app ก็ได้ 20000 บาทต่อวัน 600000 บาทต่อเดือนแล้ว !!!
๐มีคำศัพท์ต่างๆที่ต้องไปศึกษาต่อคือ impression, click, fill rate อัตราเปอร์เซ้นต์ที่ app เราได้รับโฆษณามาโชว์, CPM(cost per Mille(Thousand)) คือราคาที่ผู้โฆษณาจ่ายให้กับเครือข่ายโฆษณาเพื่่อแลกเปลี่ยนกับ 1000 impression, CPC(cost per click), CTR (click through rate), eCPM (effective cost per mille)
๐เพิ่มรายได้ app ด้วยการแปล app เป็นภาษาท้องถิ่น/ประเทศหนึ่งๆที่ผู้คนจะใช้ได้โดยไม่ต้องพึงภาษาอังกฤษ

link หนังสือ
http://www.thinkbeyondbook.com/content/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-app-app-empire

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

30 บทเรียนแห่งความมั่งคั่งจากหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน

copy มาจาก stock2morrow.com เก็บไว้ครับ

30 บทเรียนแห่งความมั่งคั่งจากหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน



1.ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม คุณก็ต้องยอมเต็มใจยอมปล่อยวางวิธีคิดและการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่เข้ามาสู่ชีวิต แล้วคุณจะประจักษ์ถึงผลที่ตามมาในที่สุด

2.โลกภายนอกของคุณเป็นเพียงเสียงสะท้อนของโลกภายในเท่านั้น ถ้าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนอกตัวคุณไม่ได้เป็นได้ด้วยดี นั่นเป็นเพราะสิ่งต่างๆภายในตัวคุณก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีเช่นเดียวกัน

3. ความคิดนำไปสู่ความรู้สึก ความรู้สึกนำไปสู่การกระทำ การกระทำนำไปสู่ผลลัพธ์

4.เงินเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทุกเรื่องที่ต้องใช้เงิน ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีความสำคัญแม่แต่นิดเดียวสำหรับทุกเรื่องที่ไม่ต้องใช้เงิน

5. เมื่อคุณบ่น คุณกำลังกลายร่างเป็น “แม่เหล็กดึงดูดความเลวร้าย” ที่มีชีวิต

6.จำไว้ว่าคุณเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตทางการเงินของตัวคุณเอง ว่าจะมั่งคั่ง ถังแตก หรือมีฐานะในระดับใดก็ตาม

7.เหตุผลอันดับแรกที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร

8.ถ้าคุณไม่มุ่งมั่นกับการสร้างฐานะอย่างเต็มตัวและสุดหัวใจ คุณก็จะไม่มีโอกาสร่ำรวย

9.การคิดเล็กและทำแต่เรื่องเล็กจะนำไปสู่การสิ้นเนื้อประดาตัวและความไม่พอ ใจในตนเอง ส่วนการคิดใหญ่และทำการใหญ่จะนำไปสู่การมีพร้อมทั้งเงินและความหมายในชีวิต คุณเลือกเอาได้ตามใจ!

10.ไม่มีทางที่โชค หรือสิ่งอื่นใดที่มีค่า จะมาถึงตัวคุณได้เลยถ้าคุณไม่ลงมือทำการใดๆ (เพื่อเตรียมตัวรับโชคหรือสิ่งนั้นๆ)

11. คนรวยให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ ส่วนคนจนให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ

12.คนรวยมองเห็นโอกาส กระโจนใส่มัน และร่ำรวยยิ่งขึ้น แล้วคนจนล่ะ มัวทำอะไรอยู่? พวกเขาก็ยัง“เตรียมตัว”อยู่นะสิ!

13.คนรวยมักเป็นผู้นำ และผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่เป็นนักโปรโมทที่ยอดเยี่ยม การเป็นผู้นำที่ย่อมมีผู้ตามและผู้สนับสนุน นั่นหมายความว่าคุณต้องช่ำชองด้านการขาย การสร้างแรงบันดาลใจ และการจูงใจให้ผู้คนเชื่อในวิสัยทัศน์ของคุณ

14. ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งที่คุณมีสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างแท้จริง หน้าที่ของคุณก็คือการบอกให้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้รับรู้ และวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณช่วยเหลือคนอื่นได้เท่านั้น แต่คุณยังจะร่ำรวยอีกด้วย!

15.เคล็ดลับสู่ความสำเร็จไม่ใช่การพยายามหลีกเลี่ยง ปัดหรือหันหลังให้กับปัญหา สิ่งที่คุณต้องทำคือ การพัฒนาตนเองให้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกๆปัญหา

16.ถ้าคุณบอกว่าคุณมีค่า คุณก็มีค่า ถ้าคุณบอกว่าคุณไร้ค่า คุณก็ไร้ค่า ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะดำเนินชีวิตไปตามเรื่องราวที่คุณแต่งขึ้นเอง

17.คนจนแลกเวลากับเงิน กลยุทธ์นี้มีปัญหาเพราะเวลาของคุณมีอยู่อย่างจำกัด นั่นหมายความว่าคุณกำลังแหกกฎแห่งความมั่งคั่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งระบุว่า “อย่าให้มีเพดานจำกัดรายได้ของคุณ”

18.มาตรวัดความมั่งคั่งที่แท้จริงคือมูลค่าทรัพย์สิน ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน

19.ถ้าคุณไม่ควบคุมเงินของคุณ มันก็จะควบคุมคุณ การจะควบคุมเงินของคุณ คุณต้องรู้จักบริหารเงิน

20. อิสรภาพทางการเงิน คือ ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต้องการโดยไม่ต้องทำงานหรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน

21.คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อรายได้งอกเงย (รายได้จากทรัพย์สินหรือธุรกิจที่ทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมัน เอง) ของคุณมีจำนวนมากกว่ารายจ่าย

22.คนจนทำงานหนักและใช้เงินทั้งหมดที่มาหาได้ พวกเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดไป ส่วนคนรวยทำงานหนัก สะสมเงิน และนำไปลงทุน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอีก

23. ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่สุดของคนส่วนใหญ่ คือ การรอให้ความกลัวลดน้อยลงหรือจางหายไปก่อนจะเริ่มลงมือทำ(บางสิ่งบางอย่างไป สู่ความมั่งคั่ง) และคนเหล่านี้ก็มักลงเอยด้วยการนั่งรอตลอดไป

24. คนรวยและผู้ที่ประสบความสำเร็จก็มีความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาหยุดยั้งตนเอง

25. ความสุขไม่ได้มาจากการใช้ชีวิตอย่างสบายๆไปวัน พร้อมๆกับนึกสงสัยตลอดเวลาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตบ้าง แต่ความสุขเกิดจากการเติบโตตามอัตราการเติบโตที่ควรจะเป็นและการใช้ชีวิต ด้วยศักยภาพสูงสุดของตัวเรา

26.การฝึกฝนและบริหารความคิดของคุณเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่คุณควรมีไว้ครองครอง เพื่อให้บรรลุความสุขและความสำเร็จ

27. น้อยคนนักจะรู้ว่าวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการสร้างและรักษาความมั่งคั่งเอา ไว้ก็คือ การพัฒนาตัวคุณเอง เพื่อให้คุณเติบโตเป็นคนที่ “ประสบความสำเร็จ”

28. คนจนและชนชั้นกลางส่วนใหญ่เชื่อว่า “ถ้าฉันมีมากๆ ฉันก็จะสามารถทำในสิ่งที่ฉันต้องการและเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้” ส่วนคนรวยเข้าใจว่า “ถ้าฉันกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ฉันจะสามารถทำในสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้มีสิ่งที่ฉันต้องการ รวมไปถึงจำนวนเงินมากๆด้วย”

29.คนรวยคือผู้เชี่ยวชาญในงานที่ตัวเองทำ ชนชั้นกลางคือพวกที่ทำงานของตัวเองได้ดีในระดับปานกลาง และคนจนคือพวกที่ทำงานของตัวเองไม่ได้เรื่องเลย

30.การจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างถาวรนั้น มันต้องเกิดขึ้นในระดับที่ลึกซึ้ง....เครือข่ายในสมองคุณต้องถูกสร้างขึ้น ใหม่ นั่นหมายความว่าคุณต้องนำมันไปปฏิบัติจริง อย่าเพียงแต่อ่าน อย่าเพียงแต่พูดถึงมัน และอย่าเอาแต่คิด จงลงมือทำจริงๆ

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ภาษากายสร้างความสำเร็จให้ตัวเรา your body language shapes who you are..



ภาษากายสร้างความสำเร็จให้ตัวเรา

YOUR BODY LUANGUAGE SHAPES WHO YOU ARE




 
นึกถึงเรื่องที่ทำให้เรายิ้ม แล้วยิ้มกว้างๆจะทำให้เราอารมณ์ดีมาก ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ
our minds change our bodies.
it is also true  that our bodies change our minds
distress hormone = cortisol
dominance hormone = testosterone

dominance post ให้ทำบ่อยๆ เราจะรู้สึกดีกับตัวเอง แอบทำที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องให้ใครเห็นก็ได้
 















ให้ทำบ่อยๆ เราจะรู้สึกดีกับตัวเอง




 





























อย่าทำ low power post (distress post)






















This one is very low power..

 


























Our nonverbals govern how we think and feel about ourselves

Power posing for a few minutes really change our life in meaningful ways..

Fake it till you become it




ใช้เวลา 2 นาทีในการทำ power posting ก่อนเจอสถานการณ์เคร่งเครียด จะทำให้เรารับสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ทำ power posting ทุกวัน บ่อยๆครับ จะทำให้เรากลายเป็นคนมี power จริงๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราแสดงออกมา เป็นสื่อให้รู้ถึงสภาพต่างๆภายในตัวเรา








:)

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อ่านแล้วโดนใจครับ การลงทุนอย่างแท้จริง

ได้มาจาก web thaivi.org เขียนดดยคุณ pak ครับ อ่านแล้วโดนใจ ขอเลียนแบบบ้าง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
pak wrote:
ผมยังจำตาราง Excel เมื่อสองปีที่แล้วของผมได้ดีครับ
ด้วยเงินเริ่มต้นในการลงทุนจำนวน 300,000 บาท เป็นเงินสะสมในสหกรณ์ของผม ตลอดการทำงาน 15 ปีที่ผ่านมา
ผมไปลาออกจากสหกรณ์และกำเงินก้อนนี้ออกมา (มีคนเคยแซวผมว่า "อะไรฟร่ะ ทำงานมาตั้ง 15 ปี ดันมีเงินเก็บแค่ 3 แสน!!!" 555+)

ในตาราง Excel นั้น แต่ละ Row หมายถึงแต่ละเดือน
โดยในแต่ละเดือน ผมตั้งใจว่าผมจะประหยัด และเอาเงินมาลงทุนในหุ้นหรือกิจการที่ผมรักและเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี
และในทุกๆต้นปี ผมจะใส่ประมาณการ เงินโบนัส เพื่อนำมาลงทุนในหุ้นด้วย

จากผลลัพธ์การคำนวณใน Excel Sheet มันบอกผมว่า...
"อีก 3 ปีนับจากวันแรกที่ผมวางแผน...ผมจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯจดทะเบียนแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
กล่าวคือ มีหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 0.5%
แม้ว่าจะเป็นบริษัทฯเล็กๆก็ตาม แต่มันก็คือ จุดเริ่มต้นความฝันของผม

หลังจากลงทุนไม่นาน ผมไปขอเงินเก็บอีกส่วนหนึ่งของผมจากคุณแม่ ขายแหวนเพชร ขายทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป
จนได้เงินมาเพิ่มอีก 7 แสนบาท รวมเป็น 1.0 ล้านบาท

ใช่ครับ ผมมีความฝันนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ผม บอกคุณแม่ผมไว้ว่า "3 ปี นับจากนี้ ลูกชายของแม่คนนี้ จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่(หรือ Major Shareholder) ในบริษัทฯเล็กๆแต่ทว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย"

ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน เรียนไปรู้ไป และได้รับคำปรึกษาดีๆมากมายจากพี่ๆที่มีประสบการณ์ในเว็บไทวีไอแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็น คุณลูกอิสาน, คุณกูรูขอบสนาม, คุณ OMAC, คุณ Thirdwave, พี่ฉัตร และอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยนาม
ทั้งความรู้ และกำลังใจ พร่างพรูมาตลอดเวลาครับ

ผมเป็นผู้รวบรวมข้อมูลที่บ้าบิ่นที่สุดคนหนึ่ง
ผมตั้งใจไว้ว่า "ผมจะต้องรู้ไม่น้อยไปกว่าใครในตลาดแห่งนี้ฯ" หรือ "ต้องไม่มีอะไรที่ผมควรรู้ แต่ไม่รู้!!!"
ทุกแหล่ง ทุกๆการพูดคุย ผมสะสมข้อมูลตลอดเวลา
ทั้งสื่อต่างๆ จากคนรู้จัก จาก นสพ. จากนิตยสาร จากเว็บไซต์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตัวบริษัทฯ, ผู้บริหาร, ผถห.ใหญ่, Suplier, Customer...ผมต้องไม่รู้น้อยไปกว่าคนอื่น

ทุกๆงาน Opp Day หรือการประชุมสามัญประจำปี ผมจะเป็นคนที่ทำการบ้าน และถามคำถามที่ผมไม่รู้อยู่เสมอ
โดยเฉพาะ Strategic Question ที่เราต้องการฟังคำตอบจากปากผู้บริหารเท่านั้น

ผมรวบรวมข้อมูลและเปิด Roadshow ให้คนรอบข้างฟังอยู่เสมอ
ไม่ใช่เพื่อเชียร์(หุ้น) แต่เพื่อ แชร์(ข้อมูล) ครับ
หลายครั้งหลังจากผมพูดจบ คนฟังมักจะให้ข้อมูลที่ผมเองไม่เคยรู้มาเสมอๆ
นี่คือกำไร หรือที่มาของคำว่า "ยิ่งให้...จะยิ่งได้มา"

แต่ด้วยความฟลุ๊ค หรือสภาพตลาดที่อำนวยไม่ทราบได้
วันนี้ ผมเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯแห่งหนึ่งจำนวน 1.0% ภายในต้นปีหน้า เนื่องจากต้องเอาเงินโบนัสมาซื้อเพิ่มอีกเล็กน้อย
(เดิมผมแยกเป็น ผถห.รายใหญ่อยู่ 3 บริษัทฯ แต่ปัจจุบันรวมก้อนใหญ่มาที่เพียงบริษัทฯเดียวนะครับ)

กับบริษัทฯที่ผมรัก และผมเชื่อว่า ผมมีข้อมูลไม่น้อยกว่าใครในตลาดแห่งนี้
หากบริษัทฯที่ผมรักเจ๊งไป ผมจะไม่โทษใครเลย เพราะผมได้เลือกที่จะรัก และไว้ใจผู้บริหารไปหมดแล้ว

บริษัทฯที่ผมคอยเป็นห่วงเป็นใย เฉกเช่นเดียวกับเป็นบริษัทฯของตนเอง
บริษัทฯที่ผมคอยส่ง ข้อเสนอแนะ เข้าไปที่ e-mail ของบริษัทฯ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าเค้าเคยอ่านบ้างไหม?
บริษัทฯที่ผมสามารถเล่าความเป็นมา และ Story ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตให้คนอื่นได้ฟัง ได้ยาวกว่า 1 ชม.
บริษัทฯที่ผมเชื่อว่า ผู้บริหารก็ให้ความเอ็นดูผม (ผมดูจากสายตาเวลาท่านตอบคำถามผม ในวันประชุม AGM)
บริษัทฯที่ผมตั้งใจว่า นี่จะเป็นชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลผม

มากกว่ารัก ยิ่งกว่าไว้ใจ
และไม่เพียงแต่บริษัทฯที่ผมถือหุ้นเท่านั้น
แม้แต่บริษัทฯที่ผมเคยลงทุนในลักษณะนี้มา ผมเองก็รู้สึกรัก และผูกพันไม่แพ้กัน แม้ว่าเราจะไม่มีหุ้นของเค้าแล้วก็ตาม
BATA คือ ตัวอย่างหนึ่งในนั้น

ผมเชื่อว่า ถ้าวันนึงที่ผมมีเงินมากพอ ผมอาจจะกลับมาลงทุนในบริษัทฯเก่าๆเหล่านี้
นั่นเป็นเพราะความผูกพันครับ

หุ้น Turnaround...กลายเป็นแบรนด์ของ Login ที่ชื่อว่า pak ไปเสียแล้ว
เพราะผมบอกเสมอว่า "ผมคือนักลงทุนระยะยาว!!!"
ผมไม่มีเป้าหมายราคา หากแต่ผมมีเป้าหมายเวลา ว่าผมควรจะซื้อและขายหุ้นในห้วงเวลาใด
นั่นเพราะ ผมมีข้อมูลมากพอ ที่จะ Forecast การเติบโตของ Business ได้พอสมควร

ผมไม่ต้องการ เชียร์หุ้น ให้คนอื่นมาซื้อ
เพราะถ้าเค้าซื้อ แล้วเค้าไม่รัก วันนึงเค้าก็ต้องขาย
ถ้าเค้าซื้อมาก เวลาขาย ก็เท่ากับกำลังทุบหุ้นผม!!!
ผมจึงไม่ชอบแนะนำใคร ยกเว้นให้ข้อมูลเท่านั้น
ส่วนเรื่องการลงทุน ควรเป็นการตัดสินใจของเค้าเอง

ผมพูดเสมอว่า...
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ"
ฝันให้ใหญ่และไปให้ถึง ในขณะเดียวกันก็ต้องเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง
เพราะในการสงคราม ย่อมมีทั้งแพ้และชนะ
แต่ถ้าเรามั่นใจแม่ทัพ และเลือกข้างแล้ว ก็ไม่มีอะไรนอกจากเดินหน้าครับ

มนุษย์จะหลงเหลือสิ่งใดให้เชื่อ หากปราศจากแล้วซึ่ง "ศรัทธา"
แม้ใครจะดูถูกผมว่าเป็น "ราชาหุ้นเน่า ราชาหุ้นปั่น!!!"
แต่ผมพร้อมจะกลืนเลือดครับ
เพราะหุ้นของผมมันห่วยในสายตาคนอื่น แต่มันมีค่ายิ่งในสายตาของผม

Pricing Strategy ย่อมเกิดจาก Demand และ Supply
ในห้วงเวลาที่หุ้นขึ้น มันมีอยู่ 2 ประการเท่านั้น คือ...
1) ปั่นจริงๆ โดยไม่มีพื้นฐานรองรับ
2) ปั่นเหมือนกัน แต่มีพื้นฐานรองรับ (เพราะมันมีคนที่รู้มูลค่าที่แท้จริงของมันในอนาคตแล้ว แต่ก็ปั่นเล่นรอบเพื่อกำไร)
ปัญหาจึงมีว่า...
"ไม่ใช่ให้เราหนีหุ้นปั่น แต่ให้เราหามูลค่าที่แท้จริงให้เจอ...ก็เท่านั้นเอง"
เพราะเราไปห้ามให้เค้าปั่นหุ้นของเราไม่ได้

เวลาเราเห็นของรักของเรา เค้าเอาไปปั่น เอาไปทำปู้ยี้ปู้ยำจนเสียงชื่อเสียง
เราก็เจ็บเหมือนกันนะครับ
แต่ผมพยายามทำใจว่า เราเป็นเพียงผู้ถือหุ้นใหญ่รายเล็กๆ
ดังนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆ ย่อมต้องเจ็บมากกว่า

ผมคิดเสมอว่า...
ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เค้ารู้สึกอย่างไร? ผมจะพยายามรู้สึกให้ได้เฉกเช่นนั้น!!!
นั่นคือ "มั่นใจ" และ "มั่นคง" ครับ

ถ้าคิดใหญ่กว่านั้น...
เราแอบฝันได้ไหมว่า "วันหนึ่ง บริษัทฯนี้อาจจะเชิญเราเข้าไปนั่งเป็นกรรมการอิสระคนหนึ่งด้วย!!!"
แม้มันจะเป็นความฝันที่ริบหรี่ แต่ความฝันมันไม่ต้องใช้ตังค์ซื้อมาซักหน่อย...จริงไหมครับ?

ขอบคุณที่นั่งอ่านตัวตนและความฝันของผม


ด้วยความเคารพ
pak


ปล.
พิมพ์ผ่านหัวใจ โดยไม่ได้ตรวจทานนะขอรับ
(^_^)
 
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
 
link ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=43317&start=210 
อยู่ตรงกลางหน้าครับ

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หุ้นที่กำไรเพิ่มขึ้น ณ ตค 2555

หุ้นที่กำไรเพิ่มขึ้น ณ ตค 2555

CCET ทำ hard disk drive


กำไรดูดีขึ้น เหมือนจะผ่านจุดต่ำสุดขึ้นมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตลาด hard disk เป็นอย่างไร หรือชะลอตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว


SPPT Single point part กำไรดีขึ้นต่อเนื่อง สองไตรมาสแรก กำไรเพิ่ม 3.5 เท่า จากปี 2008 แต่ราคายังเท่าปี 2008 อยู่ น่าคิด

uniq ราคายังไม่ไปไหน ยังไม่ได้แกะงบน๊ะครับ ดูคร่าวๆกำไรทั้งปี 160 ทำ new high ครับ


prin ราคาก็ยังไม่ไปไหน

cm ราคายังไม่ไปไหน































มหาเศรษฐี คาร์ลอส สลิม รวยอันดับ 1 3 ปีซ้อน

อ่านหนังสือประวัติ คาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐี จากสำนักพิมพ์ นกฮูก พับลิชชิ่ง ลองไปหาอ่านกันดูครับ คาร์ลอส สลิม รวย 70000 ล้านเหรียญ อันดับหนึ่งในโลก ประจำปี 2010, 2011 และ ปี 2012 โดยมี บิล เกต และ วอเรน บัพแพ่ตามมาเป็นสองและสาม ได้ความย่อๆมาฝากตามนี้ครับ

คาร์ลอส ปัจจุบันอายุประมาณ 72-73 ปี เป็นลูกของ จูเลียน สลิม ทีอพยพมาจาก  เลบานอน มาอยู่ที่เม็กซิโก คุณพ่อเขาก็สร้างหลักฐานให้ไว้ค่อนข้างดี รวยระดับ 100ล ้านเหรียญ แต่เขาสานต่อจนกระทั่ง รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกถึง 3 ปีซ้อน

คุณพ่อเขาก็มีแง่คิดดีให้เขาเช่น

จงเข้มแข็ง อดทน และมองโลกในแง่ดี
ทุกเวลาดีเสมอสำหรับผู้ที่รู้จักทำงาน


ตอนรุ่นๆ เขาก็ตั้งบริษัทหลายบริษัท เพื่อดำเนินธุกิจในด้านต่างๆ  

เขาเริ่มต้นรวยอย่างจริงจัง โดยการเข้าซื้อกิจการธุรกิจที่ประสบปัญหาในระหว่างเม็กซิโกฟองสบู่แตก ในปี 1982 เม็กซิโกพักชำระหนี้ คล้ายๆกับบ้านเราเมื่อปี 2540 น่ะครับ โดยซื้อกิจการที่ราคาต่ำมากๆ มาบริหารจนได้กำไร ก็เอามาขายต่อ รวมถึงได้ซื้อกิจการสาธาณูปโภค จากรัฐบาลหลายกิจการมาทำอย่างเดียวกัน เขาเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างมากมาย จนมีเรื่องเล่าล้อ (หรือจริงก็ไม่รู้ว่า) ที่ย่านธุรกิจแห่งหนึ่งใน เม็กซิโก มีร้านอยู่ร้านหนึ่งเขียนป้ายหน้าร้านว่า "ร้านนี้ไม่ได้เป็นของ คาร์ลอส สลิม"

แง่คิดอันนี้ก็คือเมื่อธุรกิจตกต่ำถึงขีดสุด มันก็จะค่อยๆผงกหัวขึ้น และเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ผมว่าตอนนี้ คาร์ลอส คงกำลัง ช๊อปปิ้งบริษัทที่ กรีซ ที่ โปรตุเกส อยู่เป็นแน่แท้

คาร์ลอส บอกว่าจุดแข็งของเขาคือ การมองเห็นโอกาสก่อนคนอื่น (รวมถึงเงินเยอะด้วย อันนี้ผมเขียนเอง) เขาอ่านหนังสือ future shock ของ Alvin Tofler (อาจจะสะกดชื่อภาษาอังกฤษไม่ถูกครับ) และได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้มากทีเดียว (ข้อคิดที่ได้ของเราก็คือ หาหนังสือที่วิเคราะห์สภาวะการณ์ต่างๆในอนาคตมาอ่าน เผื่อจะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างเขาบ้าง)

เขาทำธุรกิจโทรคมนาคมในเม็กซิโก ปี 1990 ชื่อ เทลเม็ก และธุรกิจนี้ก็สร้างความมั่งคั่งให้เขาอย่างท่วมท้นทีเดียวครับ เป็นแรงเคลื่อนสำคัญให้เขารวยเป็นอันดับหนึ่งของโลก

นอกจากธุรกิจแล้ว คาร์ลอสยังแบ่งเงินส่วนหนึ่งของเขา ซึ่งเป็นสัดส่วนเยอะเหมือนกัน เอามาทำสาธารณะกุศล เช่น พัฒนาด้านการศึกษา การสารธาณสุข ผมว่าอันนี้เป็นธรรมชาติเลยครับ ถ้าเรารวยแล้วเผื่อแผ่ให้คนอื่น เราก็จะรวยยิ่งขึนๆไป เพราะะรรมชาติต้องการให้เราช่วยเหลือคนอื่นที่ยังด้อยโอกาส แต่พวกเขามีพลังใจที่ดี และมีจิตใจงดงาม

แนวความคิดบางประการของคาร์ลอส

อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ขอให้เรามีความสุขของเราโดยไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อนก็พอแล้ว

อย่ากลัวความผิดพลาด ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเป็นสืิ่งที่ทำให้เราหลีกเลี่ยงความผิดพลาดขนาดใหญ่ได้

อย่าเอาตัวเองไปผูกกับธุกิจแต่เพียงอย่างเดียว ควรแบ่งเวลาให้ความสนใจในสิ่งอื่นๆด้วย เพราะมนุษย์ควรจะต้องให้คามรู้สึกกับการเรียนรู้ มีความรู้สึก และมีชีวิต ดาไล ลามะกล่าวเรื่องนี่ไว้อย่างน่าประทับใจว่า "อย่าตายโดยที่ยังไม่เคยมีชีวิตอยู่"

สุดท้ายอันนี้ผมชอบมากเลยก็คือ ปัญหาของธุกิจนั้นเป็นธรรมชาติที่ทุกๆธุรกิจจะต้องประสบ คิดเสียว่ามันเป็นธรรมชาติ และค่อยๆแก้ทีละเปราะทีละเปราะ หาคนปรึกษาว่าจะแก้อย่างไร ในที่สุดก็จะแก้ไขได้เอง (หากมันยุ่งมากก็ปลีกตัวออกมาก่อนพักเหนื่อยแล้วค่อยเข้าไปแก้ต่อ)

คาร์ลอสเป็นคนประหยัด เหมือนมหาเศรษฐีทั่วไป ไม่มีรถคันใหญ่โต ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว ใช้นาฬิกาพลาสติก รวมถึงเขาเป็นคนที่รักครอบครัวออย่างมากอีกคนหนึ่ง 




วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การติดตั้ง windows 7 บน notebook สมัยใหม่ ซื้อประมาณ ตค 2555

พอดี notebook ตัวเก่าเสีย จริงๆแล้วมันเป็นตัวเก่ามากๆหลัก 10 ปีได้เลยครับที่เสีย ก็ยังไม่คิดจะซ่อมเพราะมันเก่าแล้ว เลย research ได้ Lenovo G480 แบบ 4GB RAM 500GB HDD และ cardจอแยก ดูแล้วน่าคุ้มสุดที่ราคาหมื่นต้นๆครับ

มานั่งติดตั้ง windows 7 เอง ก็หาวิธีการติดตั้งจากเน็ตน่ะครับ แต่พอติดตั้งขึ้นหน้าที่ให้เลือก drive ในการติดตั้งปรากฏว่า ทุก drive ที่มีมันไม่สามารถติดตั้ง windows ได้เลย มันขึ้นว่า "Windows cannot be installed in this disk" ก็หาวิธีอยู่ตั้งนาน ในเน็ตก็ไม่มีที่ไหนบอกตรงๆ สุดท้ายแก้ไขได้ โดยboot เข้า bios ก่อนครับ คือตอนเปิดเครื่องจะมีข้อความบอกว่าให้กด F2 หรือ Fอะไรๆ ก็ตามก็กดย้ำๆเข้าไว้ มันก็จะเข้าหน้า bios ได้ครับ หา tap ที่มีการตั้งค่า hard disk ครับ มันจะขึ้น default ว่า AHC หรือใกล้เคียงน่ะครับ คือไม่ได้กลับไปดูอีกครั้งน่ะครับ ให้เปลี่ยนค่าตรงนี้เป็น compatible หรือ SATA แล้วก็กด F10 เพื่อ save & exit ครับ เป็นอันเสร็จพิธี แล้วก็สามารถติดตั้ง windows ได้แล้วล่ะครับ

สำหรับเครื่องที่เขาทำหลาย drive มาเป็น defaultไม่ต้องสนใจจำนวน drive ที่มีเลยครับ เพราะเดี๋ยวติดตั้งเสร็จเข้า windows ได้เราสามารถจะแก้ไขได้อย่างง่ายดายครับ


ให้เรามองหา Disk0 Unallocated space คลิ๊กที่นี่ แล้วคลิ๊ก drive option(advance) ที่อยู่ทางด้านขวาเกือบล่างครับ หลังจากนั้นก็คลิ๊ก New แล้วใส่ค่า 40000 ลงในช่องที่มีให้กรอก ก็จะได้ disk0 partition x ขึ้นมาครับ สังเกตุทางด้านท้ายจะเขียนว่า primary ก็ให้ install windows ใน disk นี้ได้จนเสร็จเลยครับ

พอหลังจากเข้า windows ได้แล้วติดตั้ง driver เสร็จหมด ก็เข้าที่ disk management พิมพ์คำนี้ลงใน search box ใน start menu เลยครับ แล้วลงมาเลือก storage ด้านล่าง เราจะเห็น drive ต่างๆที่มี รวมถึงพื้นที่ hard disk ที่ยังไม่ได้จัดสรรด้วย ตรงนี้เราสามารถสร้าง ลบ แก้ไข drive ได้เลยครับ ดูรูปประกอบด้านล่างครับ


ทีนี้เราก็สามารถได้ drive ต่างๆตามที่เราต้องการแล้วครับ

เรายังสามารถเพิ่มขนาดของ drive C: ที่เราลงwindows ได้โดยใช้คำสั้ง extend ครับ

ของผมใช้ drive C: ประมาณ 260 GB และ drive D: DATA 200 GB

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

ความน่าสนใจของ app ทั้ง iphone และ Android ในแง่ผู้ผลิตขาย

นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นอีกขึ้นหนึ่งที่ก้าวหน้าขึ้นของคอมพิวเตอร์ครับ ที่เราเคยเรียกมันเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมีอีกหลายชื่อที่ทำหน้าที่เหมือนเดิม บางเครื่องก็มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงขึ้นครับ หรือบางเครื่องก็มีหน้าที่หลากหลายอย่างกว้างขึ้น ต่อไปเราคงไม่ต้องเปิด notebook เพื่อทำงานส่วนใหญ่แล้วล่ะ หากเราสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือ tablet ไปได้ โดยเห็นเป็นหน้าจอใหญ่ๆเท่า notebook แทน อาจจะเป็นการฉายเป็นภาพบนอากาศ แต่ทั้งนี้งานบางอย่างอาจจะยังพึงพาคอมพิวเตอร์เป็นตัวๆอยู่ เทคโนโลยี่ cloud computing หรือการเอาข้อมูลไปไว้ที่ server หรือแม้แต่โปรแกรม อย่างที่ google กำลังทำอยู่ ทำให้เครื่องที่เราใช้ไม่ต้องมี spec สูงก็สามารถทำงานส่วนใหญ่ได้ล่ะครับ

google นี้มี google doc doc.google.com  คือ เอกสารต่างๆสามารถ ถูกสร้างขึ้นได้บน server ของ google เอกสารสามารถเป็นได้หลาย format เช่น word, spreadsheet, pdf, presentation file, รูป ที่ server ห็สามารถจะ share เอกสารต่างๆกันได้ระหว่าง user กับ user ซึ่งนับว่าสะดวกมาก แต่ยังมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยของการรั่วไหลของของมูลที่เป็นความลับ หรือความปลอดภัยของข้อมูลของเราที่เอาไปฝากไว้กับผู้อื่น ผมไม่ทราบว่า เขามี program ที่ใช้ sync กับ google doc และ back up เอกสารลงมาที่ คอมพิวเตอร์ของเราหรือเปล่า

app หรือ application ของทั้ง iphone หรือ Apple OS และของ OS Android นั้นจุึงมีความน่าสนใจขึ้นมามากครับ ในแง่ผู้สร้างและจำหน่าย app นี้ เพราะไม่ต้องลงทุนมาก ในขณะที่ถ้า app นั้นเป็นที่นิยมชมชอบของผู้ใช้งานแล้ว สามารถเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา ยกตัวอย่างเช่น app Angry Bird นี้มียอดดาวโหลดทะลุ 500 ล้าน downloads http://articles.businessinsider.com/2011-11-02/tech/30349193_1_rovio-angry-birds-black-ops คิดที่ ดาวโหลดครั้งละ 30 บาทก็ได้ยอดขายไปแล้ว 1500 ล้านบาท โห มากไหมล่ะ คิดง่ายๆว่าเราอาจจะได้รายได้หักรายจ่ายต่างๆทั้งหมดแค่ 10% ของยอดขายก็มีรายได้เข้ากระเป๋า 150 ล้านบาท (อยากจะทำได้สัก program นึง สบายไปเลย)

app ที่สามารถทำได้ก็เป็น app เกมส์ต่างๆที่เล่นง่ายๆน่ารักน่ารัก app ช่วยทำงานต่างๆเช่น scanner, pdf converter, scan นามบัตร เก็บนามบัตร app social network ต่างๆ หรือลองคิดแบบใหม่ๆขึ้นมา ใครจะรู้อาจมีเศรษฐีร้อยล้านเกิดขึ้นมาอีกคนก็ได้

แต่ผมก็ได้ idea ให้ช่วยคิดต่อครับ ทำไงให้เราสามารถเห็นจอ iphone หรือ nokia หรือ samsung(แบบที่จอไม่ใหญ่) ให้มันใหญ่ขึ้นมาได้ ในระดับสัก 10 นิ้ว โดยสามารถพกพาได้สะดวก ใครคิดแล้วได้ตังก็มาแบ่งกันใช้บ้างน๊ะครับ

เปิดตัว inside a nutshell

inside a nutshell คิดขึ้นมาใช้เป็นชื่อ blog นี้ โดยอยากจะให้สะท้อนถึงเรื่องอนาคต ทั้งเรื่องใหญ่ๆเรื่องเล็กๆทั้งหมด เรื่องต่างๆนานาที่สุดท้ายแล้ว มันอาจจะอยู่แค่ในเปลือกลูกนัทอันหนึ่งเท่านั้น จริงๆมันอิงมาจาก หนังสือของ Stephen Hawking ชื่อ the universe in a nut shell หรือ จักรวาลในเปลือกลูกนัท  และความรู้ของชาวจีนที่ว่า ทุกสิ่งแม้แต่จักรวาล มันก็จะมีตัวแทนเป็นแบบขนาดเล็กซึ่งอาจจะเป็น micro oganism ที่อาจจะอยู่ในเปลือกนัทก็ได้ (อันชื่อเปลือกนัทนี่ชาวจีนไม่ได้บอกครับ ผมบอกเอง) ชื้อนี้มันก็เลยจะสะท้อนถึงเรื่องจับฉ่ายที่ผมจะเขียนลง blog นี้ละครับ

ผมอยากรวบรวมข้อมูลเนื้อความต่างๆที่ได้อ่านมา รวมถึงไอเดียต่างๆที่อ่านมา ประสบมา หรือของตัวเองที่คิดเล่นๆ ทั้ังที่เกี่ยวกับทางด้าน IT ทางด้านการบริหารงาน ทางด้านการดำรงชีวิต มาไว้ให้ผู้ที่ผ่านมาหรือผู้ที่เจาะจงค้นหาได้ใช้ประโยชน์  แต่ขอสงวนลิขสิทธ์ในการนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าน๊ะครับ

สภา 081 809 0349